ความเป็นมาของนาฬิกา
เวลา : ความหมาย
หากเราขอให้ใครอธิบายความหมายของคำว่า เวลา เราจะได้รับคำตอบต่างๆ นานา เช่น
: นักชีววิทยาคิดว่า " เวลา คือ ปัจจัยหนึ่งที่กำหนดพฤติกรรมของสัตว์และพืชให้ดำเนินไปอย่างสมดุลกับธรรมชาติ "
: นักฟิสิกส์คิดว่า " เวลา คือ มิติหนึ่งของจักรวาล "
แต่ในมุมมองของคนทั่วไป คิดว่า " เวลา คือ ตัวเลขที่อยู่บนหน้าปัดนาฬิกา "
หากเราขอให้ใครอธิบายความหมายของคำว่า เวลา เราจะได้รับคำตอบต่างๆ นานา เช่น
: นักชีววิทยาคิดว่า " เวลา คือ ปัจจัยหนึ่งที่กำหนดพฤติกรรมของสัตว์และพืชให้ดำเนินไปอย่างสมดุลกับธรรมชาติ "
: นักฟิสิกส์คิดว่า " เวลา คือ มิติหนึ่งของจักรวาล "
แต่ในมุมมองของคนทั่วไป คิดว่า " เวลา คือ ตัวเลขที่อยู่บนหน้าปัดนาฬิกา "
ไม่เพียงคนในยุคปัจจุบันเท่านั้นที่ครุ่นคิดหาความหมายของเวลา แม้แต่คนในยุคโบราณก็ได้เคยศึกษาธรรมชาติของเวลาเช่นกัน เช่นเมื่อประมาณ 4,500 ปีก่อนนี้ เมื่อชาวบาบิโลนเห็นดาวเคราะห์เคลื่อนที่ เห็นฤดูกาลเปลี่ยนเห็นกลางวันเปลี่ยนเป็นกลางคืน เขาก็เริ่มรู้ความหมายของเวลา จึงเรียกระยะเวลาที่ฤดูเปลี่ยนจากฤดูร้อนเป็นฤดูฝน แล้วเข้าฤดูหนาว จนกระทั่งกลับเข้าสู่ฤดูร้อนอีกครั้งหนึ่งว่าหนึ่งปี และเรียกระยะเวลาที่เปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืน แล้วกลับสู่กลางวันอีกว่า หนึ่งวัน
เขตเวลาโลก /เขตเวลามาตรฐาน
โลกแบ่งเขตเวลาออกเป็น 24 เขตเวลาโดยใช้เส้นลองติจูดแบ่งเขตต่างๆ บนแผนที่ นับเริ่มต้นจากเมืองกรีนวิช ( Greenwish ) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยที่เขตเวลาที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองกรีนวิชเวลาจะเร็วกว่า 1 ชั่วโมงส่วนเขตเวลาที่อยู่ทางตะวันตกของเมืองกรีนวิชเวลาจะช้ากว่า 1 ชั่วโมง
โลกแบ่งเขตเวลาออกเป็น 24 เขตเวลาโดยใช้เส้นลองติจูดแบ่งเขตต่างๆ บนแผนที่ นับเริ่มต้นจากเมืองกรีนวิช ( Greenwish ) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยที่เขตเวลาที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองกรีนวิชเวลาจะเร็วกว่า 1 ชั่วโมงส่วนเขตเวลาที่อยู่ทางตะวันตกของเมืองกรีนวิชเวลาจะช้ากว่า 1 ชั่วโมง
ส่วนเวลาในประเทศไทยนั้น ในสมัยโบราณคนไทยกำหนดเวลาอย่างคร่าวๆ คือตอนดวงอาทิตย์ขึ้นเรียกว่า ย่ำรุ่ง เวลาดวงอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะพอดีเรียกว่าเที่ยงวัน และ เวลาดวงอาทิตย์ตกเรียกว่า ย่ำค่ำ ต่อมาได้มีการจัดตั้งกรมอุทกศาสตร์และมีนาฬิกาใช้ จึงมีการกำหนดเวลาให้เร็วกว่าเวลาที่เมืองกรีนวิช 6 ชั่วโมง 41นาที 58.2 วินาที
ต่อมาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2462 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการประชุมว่าด้วยอุทกศาสตร์ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษรัฐบาลไทยได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมด้วยการประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดเวลาที่ใช้สำหรับประเทศต่างๆให้นับห่างกันเพียงกึ่งชั่วโมง เพื่อให้สะดวกในการคิดคำนวณและได้กำหนดให้เมืองกรีนวิช กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นจุดแห่งการกำหนดและเรียกว่า เวลามาตรฐานกรีนวิช ( Greenwish Mean Time ) ดังนั้นประเทศไทยจึงได้เปลี่ยนมาใช้เวลามาตรฐานเป็นเวลามาตรฐานของประเทศไทยโดยเป็นเวลาก่อนเวลามาตรฐานกรีนวิช 7 ชั่วโมงตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2463 เป็นต้นมา
ต่อมาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2462 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการประชุมว่าด้วยอุทกศาสตร์ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษรัฐบาลไทยได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมด้วยการประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดเวลาที่ใช้สำหรับประเทศต่างๆให้นับห่างกันเพียงกึ่งชั่วโมง เพื่อให้สะดวกในการคิดคำนวณและได้กำหนดให้เมืองกรีนวิช กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นจุดแห่งการกำหนดและเรียกว่า เวลามาตรฐานกรีนวิช ( Greenwish Mean Time ) ดังนั้นประเทศไทยจึงได้เปลี่ยนมาใช้เวลามาตรฐานเป็นเวลามาตรฐานของประเทศไทยโดยเป็นเวลาก่อนเวลามาตรฐานกรีนวิช 7 ชั่วโมงตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2463 เป็นต้นมา
ตำนาน… แห่งสื่อบอกเวลา
ในสมัยโบราณมนุษย์ยังไม่มีนาฬิกาใช้ การดำเนินชีวิตขึ้นอยู่กับธรรมชาติดวงอาทิตย์จึงเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่มนุษย์รู้จัก นักประวัติศาสตร์ชื่อ Herodotus ได้บันทึกไว้ว่า ประมาณ 3,500 ปีก่อน มนุษย์รู้จักใช้ นาฬิกาแดดซึ่งนับว่าเป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลกโดยสามารถอ่านเวลาได้จากเงาที่ตกทอดลงบนขีดเครื่องหมาย
ต่อมาชาวกรีกโบราณรู้จักพัฒนา นาฬิกาน้ำที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งกว่านาฬิกาแดด เรียกว่า clepsydra ( คำนี้เป็นคำสนธิที่มีรากศัพท์มาจากคำว่า clep ซึ่งแปลว่า ขโมย และคำ sydra ที่แปลว่า น้ำ )
เพราะนาฬิกานี้ทำงานโดยอาศัยหลักที่ว่า "ภาชนะดินเผาที่มีน้ำบรรจุเต็มเวลาถูกเจาะที่ก้นน้ำจะไหลออกจากภาชนะ
ทีละน้อยๆเหมือนการขโมยน้ำ "ดังนั้นชาวกรีกโบราณจึงได้กำหนดระยะเวลาที่น้ำไหลออกจนหมดภาชนะว่า
1 clepsydra ( สุทัศน์ ยกส้าน. 2544: 159 ) แต่นาฬิกาน้ำนี้ต้องมีการเติมน้ำใหม่ทุกครั้งที่หมดเวลา 1 clepsydra และในฤดูหนาวน้ำจะแข็งตัวทำให้ไม่สามารถใช้นาฬิกาได้
เพราะนาฬิกานี้ทำงานโดยอาศัยหลักที่ว่า "ภาชนะดินเผาที่มีน้ำบรรจุเต็มเวลาถูกเจาะที่ก้นน้ำจะไหลออกจากภาชนะ
ทีละน้อยๆเหมือนการขโมยน้ำ "ดังนั้นชาวกรีกโบราณจึงได้กำหนดระยะเวลาที่น้ำไหลออกจนหมดภาชนะว่า
1 clepsydra ( สุทัศน์ ยกส้าน. 2544: 159 ) แต่นาฬิกาน้ำนี้ต้องมีการเติมน้ำใหม่ทุกครั้งที่หมดเวลา 1 clepsydra และในฤดูหนาวน้ำจะแข็งตัวทำให้ไม่สามารถใช้นาฬิกาได้
จากข้อจำกัดนี้ทำให้มีการประดิษฐ์ นาฬิกาทราย ขึ้นมาโดยการนำทรายมาบรรจุในส่วนบนของภาชนะที่ทำด้วยแก้วแล้วปล่อยให้เม็ดทรายเคลื่อนผ่านคอคอดเล็กๆที่เชื่อมต่อระหว่างส่วนบนกับส่วนล่างของภาชนะจนหมด นาฬิกาทรายที่ใช้ได้สะดวกนี้ทำให้บาทหลวงในคริสตศาสนาหันมาใช้นาฬิกาทรายในการจับเวลาสวดมนต์วันอาทิตย์แทนนาฬิกาน้ำในเวลาต่อมา
ใน ค.ศ. 1364 Giovanni de Dondi เป็นบุคคลแรกที่สร้างนาฬิกาแบบมีเข็มบอกเวลาเป็นชั่วโมง แต่นาฬิกาของเขามีขนาดใหญ่เนื่องจากมีลูกศรบอกตำแหน่งของดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ทั้ง 5 ดวงด้วย
Peter Henlein ช่างทำกุญแจชาวเยอรมันเป็นผู้สร้าง นาฬิกาเรือนแรกของโลกในช่วงต้นปี ค.ศ. 1500 แต่นาฬิกายังคงมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากไม่ต่างจากเดิมเท่าใดนัก
ต่อมาในปี ค.ศ. 1500 Peter Henlein ได้สร้าง นาฬิกาที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา คือ หนักเพียง 1 กิโลกรัมเท่านั้น
และในปี ค.ศ. 1641 กาลิเลโอ ได้สังเกตการแกว่งของตะเกียงเขาพบว่าการแกว่งครบรอบของตะเกียงแต่ละครั้งใช้เวลาเท่ากันเสมอไม่ว่าจะแกว่งมากหรือน้อยเพียงใด กาลิเลโอ จึงมอบหมายให้บุตรชายชื่อ Vincenzio Galilei สร้างนาฬิกาโดยใช้การแกว่งของลูกตุ้มเป็นเครื่องควบคุมเวลา เรียกว่านาฬิกาเพนดูลัม ( Pendulum ) ซึ่งสามารถเดินได้อย่างเที่ยงตรงพอควร
ในปี ค.ศ.1657 Christian Huygens นักวิทยาศาสตร์ชาวเนเธอร์แลนด์ประดิษฐ์นาฬิกาโดยใช้หลักของ Pendulum ควบคุมการทำงานโดยมีส่วนประกอบคือ ล้อ ฟันเฟือง และลวดสปริงนาฬิกาแบบนี้สามารถวัดเวลาได้เที่ยงตรงมากกว่านาฬิกาเพนดูลัม
ในปี ค.ศ.1929 Warren Morrison ได้ประดิษฐ์ นาฬิกาควอตซ์ขึ้นเฉพาะที่เป็น นาฬิกาข้อมือ นาฬิกาประเภทนี้เที่ยงตรงมาก และในปี ค.ศ.1980 เป็นช่วงเวลาที่เริ่มนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ มีการประดิษฐ์นาฬิกาโดยใช้ชิป ( chip ) เป็นส่วนประกอบเพิ่มเติมในกลไกของนาฬิกาซึ่งนอกจากจะบอกเวลาแล้วยังสามารถเก็บข้อมูลที่จำเป็นและสามารถใช้เป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยหลังจากนั้นเทคโนโลยีในด้านการประดิษฐ์นาฬิกาได้ก้าวหน้าเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้เรามี นาฬิกาคอมพิวเตอร์ ใช้กันแล้ว
สำหรับประเทศไทยคนไทยประดิษฐ์เครื่องบอกเวลาใช้เองเมื่อร้อยปีมาแล้วคือในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยทรงมีวลีที่กำชับรับสั่งกับข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิด มีความว่า " สยามจะอยู่รอดรักษาความเป็นไทไม่เป็นขี้ข้าฝรั่ง จะต้องทำให้คนไทยเชื่อมั่นและต่างชาติเชื่อว่าคนไทยนี้เก่ง " จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เจ้ากรมอุทกศาสตร์ท่านแรกของสยาม ชื่อ Captain Loftus จัดทำ นาฬิกาแดดไว้ให้เป็นเครื่องกำหนดหมายบอกเวลา แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ประดิษฐานไว้ที่ลานหน้าพระอุโบสถวัดนิเวศน์ธรรมประวัติ บางปะอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจนทุกวันนี้
เวลา…นาฬิกา…เป็นสิ่งมีค่า
เวลาเป็นของมีค่าอย่าฆ่าเวลาให้สิ้นเปลือง เสียเวลาไปโดยไร้ประโยชน์
และนาฬิกายังเป็นสิ่งเตือนใจให้เป็นคนตรง ตรงต่อเวลา ตรงต่อตนเอง และตรงต่อผู้อื่น
…… BKWC
ขอขอบคุณที่มาของบทความ :: http://blog.hunsa.com/suwi6434/blog/2958